การเสียภาษีเป็นหน้าที่สำคัญของพลเมืองทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีเงินได้ ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การเข้าใจเรื่องขั้นภาษีจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เสียประโยชน์จากการไม่รู้กฎหมายภาษี
ใครบ้างที่ต้องเสียภาษี?
เกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำสำหรับการยื่นภาษีแตกต่างกันระหว่างคนโสดและคนที่สมรสแล้ว โดยทั่วไป ผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินเกิน 120,000 บาทต่อปีต้องยื่นภาษี ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับขั้นภาษีต่างๆ ประเภทของเงินได้ที่ต้องเสียภาษีมีหลายประเภท เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง เงินได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน เงินได้จากวิชาชีพอิสระ เงินได้จากการรับเหมา และเงินได้จากธุรกิจและการพาณิชย์
ขั้นภาษี: เข้าใจโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
"ขั้นภาษี" คือ ระดับของเงินได้สุทธิที่ถูกจัดเก็บภาษีในอัตราที่แตกต่างกัน ตามโครงสร้างภาษีแบบอัตราก้าวหน้า (Progressive Tax) ซึ่งหมายถึง ยิ่งมีรายได้มาก ยิ่งต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงขึ้นตามขั้นภาษีที่กำหนด
การปรับปรุงโครงสร้างขั้นภาษีล่าสุดแบ่งเป็น 7 ขั้น ดังนี้:
1.ขั้นภาษีที่ 1: รายได้ 0-150,000 บาท: ยกเว้นภาษี
2.ขั้นภาษีที่ 2: รายได้ 150,001-300,000 บาท: 5%
3.ขั้นภาษีที่ 3: รายได้ 300,001-500,000 บาท: 10%
4.ขั้นภาษีที่ 4: รายได้ 500,001-750,000 บาท: 15%
5.ขั้นภาษีที่ 5: รายได้ 750,001-1,000,000 บาท: 20%
6.ขั้นภาษีที่ 6: รายได้ 1,000,001-2,000,000 บาท: 25%
7.ขั้นภาษีที่ 7: รายได้ 2,000,001-5,000,000 บาท: 30%
สำหรับรายได้มากกว่า 5,000,000 บาท จะเสียภาษีในอัตรา 35%
วิธีคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
หลักการพื้นฐานในการคำนวณภาษีคือ การนำเงินได้สุทธิมาคูณกับอัตราภาษีในแต่ละขั้นภาษี โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.คำนวณเงินได้สุทธิ = เงินได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน
2.คำนวณภาษีตามอัตราภาษีแบบขั้นบันไดตามขั้นภาษีที่กำหนด
3.กรณีมีรายได้อื่นนอกเหนือจากเงินเดือน อาจต้องคำนวณภาษีแบบเหมาด้วย
โดยค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนพื้นฐานที่สามารถนำมาหักได้:
- ค่าใช้จ่าย: 50% ของรายได้ (สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท)
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
- ค่าประกันสังคม: สูงสุด 9,000 บาท
ตัวอย่างการคำนวณภาษีตามขั้นภาษี
- เงินเดือน 20,000 บาท
- รายได้ต่อปี: 240,000 บาท
- หักค่าใช้จ่าย: 100,000 บาท
- หักลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
- หักประกันสังคม: 9,000 บาท เงินได้สุทธิ = 71,000 บาท ผลลัพธ์: ได้รับยกเว้นภาษี (อยู่ในขั้นภาษี 0%)
- เงินเดือน 50,000 บาท
- รายได้ต่อปี: 600,000 บาท
- หักค่าใช้จ่าย: 100,000 บาท
- หักลดหย่อนส่วนตัว: 60,000 บาท
- หักประกันสังคม: 9,000 บาท เงินได้สุทธิ = 431,000 บาท ผลลัพธ์: จ่ายภาษีรวม 20,600 บาท
- ขั้นที่ 2: 7,500 บาท
- ขั้นที่ 3: 13,100 บาท
การลดหย่อนภาษี วิธีประหยัดภาษีอย่างถูกกฎหมาย
การใช้สิทธิลดหย่อนภาษีเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณประหยัดภาษีได้อย่างถูกกฎหมาย และอาจช่วยให้คุณอยู่ในขั้นภาษีที่ต่ำลงได้โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ดังนี้
1.ค่าลดหย่อนพื้นฐาน เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัว คู่สมรส บุตร บิดามารดา และผู้พิการ
2.ค่าลดหย่อนด้านการออมและการลงทุน เช่น
- เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
- เงินสะสมกองทุน กบข. และกองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน
- เงินสมทบกองทุนประกันสังคม
- เบี้ยประกันชีวิตและประกันสุขภาพ
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
- กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF)
- กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)
3.ค่าลดหย่อนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น ค่าลดหย่อนการท่องเที่ยว และดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย
4.ค่าลดหย่อนจากการบริจาค
ข้อควรระวังในการวางแผนภาษี
แม้ว่าการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีจะเป็นประโยชน์และอาจช่วยลดขั้นภาษีของคุณได้ แต่ก็มีข้อควรระวัง ดังนี้
1.ไม่ควรใช้สิทธิลดหย่อนเกินความจำเป็น เพราะอาจทำให้เสียโอกาสในการใช้เงินเพื่อวัตถุประสงค์อื่น
2.ควรระมัดระวังในการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนด้วย
3.ต้องเก็บเอกสารหลักฐานสำหรับการยื่นภาษีอย่างครบถ้วน เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
ความสำคัญของการเข้าใจเรื่องภาษีสำหรับผู้เริ่มต้นทำงาน
การเข้าใจเรื่องขั้นภาษีและการวางแผนภาษีที่ดีมีประโยชน์มากมาย ไม่เพียงแต่จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้อย่างถูกกฎหมาย แต่ยังช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้เรื่องขั้นภาษีตั้งแต่เริ่มต้นทำงานจะช่วยให้คุณมีพื้นฐานที่ดีในการบริหารการเงินส่วนบุคคล และสามารถใช้ประโยชน์จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น อย่าลืมศึกษาและติดตามข้อมูลเกี่ยวกับขั้นภาษีอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้คุณสามารถปรับตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายภาษีในอนาคต
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการวางแผนภาษีและการลงทุนที่ช่วยประหยัดภาษี Yuanta พร้อมให้คำแนะนำและบริการที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในกองทุนรวม RMF, SSF, Thai ESG หรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ที่ช่วยลดหย่อนภาษีได้ นอกจากนี้ Yuanta ยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนและการวางแผนภาษีที่พร้อมให้คำปรึกษาเพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ติดต่อ Yuanta วันนี้ เพื่อเริ่มต้นการวางแผนภาษีและการลงทุนที่เหมาะสมกับคุณ