ในยุคที่ตลาดการเงินมีความผันผวนสูง นักลงทุนจำนวนมากมองหาเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและบริหารความเสี่ยง Derivative Warrant (DW) และ Options เป็นตราสารอนุพันธ์สองประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่นักลงทุนจำนวนมากยังสับสนว่าควรเลือกลงทุนแบบไหนที่เหมาะกับตนเอง บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกความแตกต่างระหว่าง DW และ Options เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับ Derivative Warrant

         Derivative Warrant หรือ DW คือ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์อ้างอิง เช่น หุ้นสามัญ ดัชนีหุ้น หรือสินค้าโภคภัณฑ์ โดย DW ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการซื้อ (Call Warrant) หรือขาย (Put Warrant) สินทรัพย์อ้างอิงในราคาและระยะเวลาที่กำหนด

ลักษณะเฉพาะของ Derivative Warrant หรือ DW ที่สำคัญคือ

  • ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต
  • มีอายุจำกัด (โดยปกติประมาณ 4-6 เดือน)
  • ซื้อขายได้ในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้นทั่วไป
  • มี Market Maker คอยดูแลสภาพคล่อง

ทำความรู้จักกับ Options

         Options คือ สัญญาที่ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการซื้อ (Call Options) หรือขาย (Put Options) สินทรัพย์อ้างอิงในราคาและระยะเวลาที่กำหนด โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักคือ:

1.American Options: ใช้สิทธิได้ตลอดอายุสัญญา

2.European Options: ใช้สิทธิได้เฉพาะวันหมดอายุ

         Options มีความยืดหยุ่นสูงในแง่ของการสร้างกลยุทธ์การลงทุน และสามารถซื้อขายในตลาด TFEX โดย Options ที่ซื้อขายใน TFEX เป็นแบบ European Options ทั้งหมด

เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง DW และ Options

1.ด้านกลไกการทำงาน

  • DW: ซื้อขายง่ายเหมือนหุ้น มี Market Maker คอยดูแลสภาพคล่อง
  • Options: ต้องวางหลักประกัน มีความซับซ้อนในการซื้อขายมากกว่า

2.ด้านสภาพคล่อง

  • DW: สภาพคล่องขึ้นอยู่กับ Market Maker
  • Options: สภาพคล่องขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด

3.ด้านค่าธรรมเนียม

  • DW: ค่าธรรมเนียมคล้ายการซื้อขายหุ้น คิดเป็นอัตราต่อมูลค่าการซื้อขาย 
  • Options: มีค่าธรรมเนียมการซื้อขาย และมีค่า Premium ซึ่งเป็นต้นทุนเพิ่มเติมที่ผู้ซื้อออปชันต้องจ่ายให้กับผู้ขาย

ข้อดีและข้อจำกัด

Derivative Warrant: ข้อดี

  • ซื้อขายง่าย
  • ใช้เงินลงทุนน้อย
  • มีสภาพคล่องที่ดี
  • ขาดทุนได้ไม่เกินเงินลงทุน

ข้อจำกัด

  • อายุจำกัด
  • ราคาผันผวนสูง

Options: ข้อดี

  • สร้างกลยุทธ์ได้หลากหลาย
  • ควบคุมความเสี่ยงได้ดีกว่า
  • เหมาะกับการป้องกันความเสี่ยง

ข้อจำกัด

  • ซับซ้อนกว่า
  • ต้องวางหลักประกัน
  • สภาพคล่องอาจน้อยกว่า

แนวทางการเลือกลงทุนให้เหมาะกับคุณ

การเลือกระหว่าง DW และ Options ควรพิจารณาจาก:

1.ประสบการณ์การลงทุน:

  • มือใหม่: DW เหมาะสมกว่าเพราะ
    • ซื้อขายง่ายผ่านบัญชีหุ้นปกติ
    • ไม่ต้องวางหลักประกัน
    • มี Market Maker ดูแลสภาพคล่อง
    • ขาดทุนสูงสุดไม่เกินเงินลงทุน
  • มืออาชีพ: Options เหมาะสมกว่าเพราะ
    • สร้างกลยุทธ์ซับซ้อนได้หลากหลาย
    • ควบคุมความเสี่ยงได้ละเอียดกว่า
    • กำหนดจุดคุ้มทุนได้แม่นยำ
    • เหมาะกับการทำ Portfolio Insurance

2.เงินทุน:

ทุนน้อย: DW เป็นตัวเลือกที่ดีเพราะ

  • ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นต่ำกว่า Options
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องการถูก Margin Call
  • ค่าธรรมเนียมคล้ายการซื้อขายหุ้น
  • จัดพอร์ตลงทุนได้หลากหลายแม้มีทุนจำกัด

ทุนมาก: Options ให้ความยืดหยุ่นมากกว่าเพราะ

  • สร้าง Synthetic Position ได้หลากหลาย
  • ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
  • ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตามสภาวะตลาด
  • เหมาะกับการบริหารพอร์ตขนาดใหญ่

3.เป้าหมายการลงทุน:

  • เก็งกำไรระยะสั้น: DW เหมาะสมกว่าเพราะ
    • Leverage สูงกว่า Options
    • สภาพคล่องดีกว่าในตลาด
    • เข้า-ออกตำแหน่งได้เร็ว
    • ติดตามราคาได้ง่ายกว่า
  • ป้องกันความเสี่ยง: Options เหมาะสมกว่าเพราะ
    • กำหนดระดับการป้องกันความเสี่ยงได้แม่นยำ
    • ปรับแต่งกลยุทธ์ได้ตามต้องการ
    • คำนวณต้นทุนการป้องกันความเสี่ยงได้ชัดเจน
    • ใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงในระยะเวลาที่เลือกได้

         การเลือกระหว่าง Derivative Warrant และ Options ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ทั้งประสบการณ์ เงินทุน และเป้าหมายการลงทุน สำหรับนักลงทุนมือใหม่ Derivative Warrant หรือ DW อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพราะซื้อขายง่ายและใช้เงินลงทุนน้อย ในขณะที่ Options เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีประสบการณ์และต้องการความยืดหยุ่นในการสร้างกลยุทธ์การลงทุน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเลือกลงทุนแบบใด การศึกษาและทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ซึ่งหากมีข้อสงสัยต้องการจะปรึกษาก็สามารถติดต่อเราได้เลย