ในโลกของการลงทุน เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากมาย แต่ละประเภทก็มีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกันไป สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในโลกของการลงทุน ผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่าง หุ้นปันผล อาจจะเป็นคำตอบที่พวกเขากำลังมองหา บทความนี้ จะแนะนำ 5 กลยุทธ์เลือกหุ้นปันผล ช่วยให้นักลงทุนหน้าใหม่สร้างรายได้ Passive income อย่างยั่งยืน
1. เลือกบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง:
- วิเคราะห์ผลการดำเนินงาน: เลือกบริษัทที่มีกำไรสุทธิและกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสม่ำเสมอ ตัวอย่างเช่น บริษัท ADVANC มีกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
- วิเคราะห์งบการเงิน: ดูอัตราส่วนทางการเงินต่างๆ เช่น
- ROE (Return on Equity): ควรมากกว่า 10% แสดงว่าบริษัทมีประสิทธิภาพในการใช้เงินทุน
- Dividend Payout Ratio: ควรมากกว่า 70% แสดงว่าบริษัทมีเงินทุนสำรองเพียงพอ
- Debt-to-Equity Ratio: ควรน้อยกว่า 1 แสดงว่าบริษัทมีหนี้สินน้อย
- เลือกบริษัทที่มีหนี้สินน้อย: อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt-to-Equity Ratio) ควรน้อยกว่า 1 แสดงว่าบริษัทมีภาระหนี้ไม่มาก ทำให้มีเงินสดจ่ายเงินปันผลได้
2. เลือกบริษัทที่มีนโยบายจ่ายปันผลสม่ำเสมอ:
- ศึกษานโยบายการจ่ายปันผลย้อนหลัง: ดูว่าบริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลสม่ำเสมอหรือไม่ จ่ายปันผลกี่ครั้งต่อปี จ่ายปันผลในอัตราเท่าไหร่ ตัวอย่างเช่น บริษัท CPALL จ่ายปันผลปีละ 1 ครั้ง
- เลือกบริษัทที่มี Dividend Yield สูง: Dividend Yield คือ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล คำนวณจาก (เงินปันผลต่อหุ้น / ราคาหุ้น) x 100 โดยทั่วไป Dividend Yield ควรมากกว่า 4%
- เลือกบริษัทที่มี Dividend Payout Ratio เหมาะสม: ควรมากกว่า 70% แสดงว่าบริษัทมีเงินทุนสำรองเพียงพอ
3. เลือกหุ้นในกลุ่ม Defensive:
- หุ้นกลุ่ม Defensive: มักมีผลประกอบการดี ไม่ค่อยผันผวนตามภาวะเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น
- ธนาคาร: BBL, SCB
- สินค้าอุปโภคบริโภค: CPALL, DOHOME
- โรงพยาบาล: BDMS, BH
4. กระจายความเสี่ยง:
- ไม่ควรลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียว: กระจายเงินลงทุนในหลายๆ บริษัท อย่างน้อย 10-15 ตัว การลงทุนในหุ้นเพียงตัวเดียวมีความเสี่ยงสูง ตัวอย่างเช่น หากบริษัทนั้นเกิดปัญหา ผลตอบแทนจากเงินปันผลจะหายไป
- เลือกหุ้นจากหลายๆ กลุ่มธุรกิจ: ไม่ควรลงทุนในกลุ่มธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งมากเกินไป การกระจายเงินลงทุนในหลายๆ กลุ่มธุรกิจ เช่น ธนาคาร สินค้าอุปโภคบริโภคหรือพลังงาน จะเป็นการกระจายความเสี่ยงในกลุ่มธุรกิจ จะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจ
- ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นปันผล: เป็นทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง และไม่มีเวลาศึกษาข้อมูลหุ้น กองทุนรวมหุ้นปันผลจะลงทุนในหุ้นหลายๆ ตัว ผู้จัดการกองทุนจะคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี และจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ
- ตัวอย่างการกระจายความเสี่ยง:
- ลงทุนในหุ้นปันผล 10 ตัว แบ่งเป็น
- ธนาคาร 3 ตัว
- สินค้าอุปโภคบริโภค 3 ตัว
- พลังงาน 2 ตัว
- สื่อสาร 2 ตัว
- ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นปันผล 1 กอง
การกระจายความเสี่ยง จะช่วยให้นักลงทุนสามารถสร้าง Passive income ที่มั่นคงได้ในระยะยาว
5. ลงทุนระยะยาว:
- การลงทุนหุ้นปันผลเป็นการลงทุนระยะยาว: อดทนรอคอยผลตอบแทน ไม่ควรซื้อขายหุ้นบ่อยๆ เน้นการถือลงทุนระยะยาวอย่างน้อย 5 ปี
- การลงทุนระยะยาวช่วยลดความเสี่ยง: ผลตอบแทนจากเงินปันผลจะช่วยชดเชยความผันผวนของราคาหุ้น
นักลงทุนมือใหม่เปิดพอร์ตลงทุนในหุ้นปันผล ที่ไหนดี?
หากอ่านมาจนถึงจุดนี้แล้ว ใครที่อยากจะเริ่มต้นลงทุนในหุ้นปันผลเพื่อสร้าง Passive income ตั้งแต่วันนี้อาจจะมีข้อสงสัยได้ว่า หากต้องเลือกเปิดพอร์ตเพื่อทำการลงทุนจะต้องเปิดพอร์ตหุ้นที่ไหนดี ถึงจะได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และบทวิเคราะห์ที่ข้อมูลครบถ้วน ซึ่งท่านสามารถเปิดพอร์ตหุ้นเพื่อลงทุนในหุ้นปันผลกับบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้าได้
โดยเหตุผลที่ควรเลือกบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า
- มีเครื่องมือที่ทันสมัย: นักลงทุนสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ ของหยวนต้าเพื่อวิเคราะห์วอร์แรนท์และตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- มีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ: หยวนต้ามี่ทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำแนะนำและคำปรึกษาเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น
- มีบทวิเคราะห์ที่ข้อมูลครบถ้วน: หยวนต้ามีบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นที่ครบถ้วน ช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจ
สุดท้ายนี้ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า พร้อมให้บริการเปิดพอร์ตการลงทุน ซื้อขาย เทรดหุ้น ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัยพร้อมให้คำแนะนำหรือคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างกลยุทธ์การลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ หากมีความสงสัยหรือต้องการคำแนะนำสามารถติดต่อเราได้ในทุกช่องทางการติดต่อ